ประจำเดือน คือ เยื่อบุของโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง ในปกติผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์จะมีรอบเดือนทุกๆ 21-35 วัน และแต่ละรอบจะยาวนานราว 2-7 วัน หากประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีความผิดปกติอะไรบางอย่าง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ได้

เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด “ประจำเดือนผิดปกติ” เป็นอย่างไร?

รศ.นพ.สุรสิทธิ์ ชัยทองวงศ์วัฒนา แพทย์ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด สามารถแบ่งผู้ป่วยได้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ยังไม่ควรจะมีประจำเดือน เช่น เด็ก หรือวัยรุ่นผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือน กับ กลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ในสองกลุ่มนี้ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอด ถือว่ามีความผิดปกติ

สำหรับกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ เลือด “ประจำเดือนผิดปกติ” อาจพบได้ ดังนี้

1.เลือดประจำเดือนมีปริมาณมากกว่าปกติ ทั้งในแง่ของปริมาณ และระยะเวลาที่มีประจำเดือน

2.มีเลือดออกมานอกรอบประจำเดือน

สาเหตุของ “ประจำเดือนผิดปกติ” เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

1.รังไข่ทำงานผิดปกติ

2.ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด

3.ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์

4.โรคติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ เช่น โรคเนื้องอกในมดลูกที่สามารถพบได้บ่อย รวมถึงมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

“ประจำเดือนผิดปกติ” เลือดออกผิดปกติในช่องคลอด อย่างไร? ควรมาพบแพทย์

1.ผู้หญิงที่ไม่มีประจำเดือน (ยังไม่มี หรือหมดแล้ว) แต่มีเลือดออกทางช่องคลอด เช่น ในเด็ก หรือผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

2.ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ มีประจำเดือนปกติ แต่มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือนด้วย หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

3.มีประจำเดือนในปริมาณที่มากขึ้น หรือมีระยะเวลาของประจำเดือนนานขึ้น สังเกตได้จากการที่ใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 4 แผ่นชุ่มๆ ต่อวัน หรือมีประจำเดือนในแต่ละรอบมากกว่า 7 วัน ซึ่งทำให้มีอาการเหนื่อย เพลีย หลังมีประจำเดือนจากภาวะโลหิตจางได้

การตรวจวินิจฉัยโรค เมื่อ “ประจำเดือนผิดปกติ” มีเลือดออกผิดปกติในช่องคลอด

แพทย์จะทำการซักประวัติถึงอาการที่เป็นอยู่ เพื่อหาสาเหตุอย่างคร่าวๆ จากนั้นในบางรายที่มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ แพทย์อาจขอตรวจภายใน และอาจจะต้องมีการตรวจเซลล์ของปากมดลูกที่เรียกว่า Pap smear เพื่อตรวจคัดกรองภาวะมะเร็งปากมดลูก แนะนำให้ตรวจทุกๆ 2-3 ปี ในกลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยง แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ติดเชื้อ HIV แพทย์จะแนะนำให้ตรวจทุกปี

ในบางกรณี แพทย์อาจขอตรวจเยื่อบุโพรงมดลูก โดยการขูดมดลูก หรือเอาเซลล์ของมดลูกมาตรวจ ในกรณีที่แพทย์อาจสงสัยว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นเนื้องอกหรือไม่ แพทย์อาจขอตรวจอัลตร้าซาวนด์ หรือที่เรียกว่าการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และในกรณีที่จะตรวจระดับฮอร์โมน แพทย์อาจขอเจาะเลือดตรวจ ซึ่งนอกจากจะตรวจระดับฮอร์โมนแล้ว ยังสามารถตรวจภาวะโลหิตจางได้ด้วย

การรักษาภาวะ เลือดออกผิดปกติในช่องคลอด

ถ้าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของรังไข่ แพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยา เพื่อควบคุมการทำงานของรังไข่ แต่ถ้ามีเนื้องอกในมดลูก หรือมีมะเร็งของระบบสืบพันธุ์ อาจรักษาด้วยการผ่าตัด หรือใช้รังสีรักษา

สำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติในช่องคลอด สามารถเข้ารับคำปรึกษาที่แพทย์แผนกสูตินรีเวชตามโรงพยาบาลทั่วไปใกล้บ้าน

คำแนะนำเพิ่มเติม

สำหรับกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อยากหาตัวช่วยดีๆ ในการบำรุงรักษาสมดุลของระบบภายในของผู้หญิงให้สมดุล ให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ไม่มากไป ไม่น้อยไป หรือว่ากะปริดกะปรอย รวมถึงช่วยในเรื่องปวดประจำเดือนอีกด้วย ทางเราขอแนะนำให้รับประทานยาสตรี ตัวช่วยสำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นยาฟอกเลือด บำรุงธาตุ ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ยาสตรีที่ทางเราแนะนำ คือ ยาสตรีฟลอร่า ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของผู้หญิง จริงๆ ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก :

รศ.นพ.สุรสิทธิ์ ชัยทองวงศ์วัฒนา แพทย์ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :

5 เช็กลิสต์ “ประจำเดือนปกติ” หรือไม่?

“หงุดหงิดง่าย” วิธีรับมือ ก่อนหลุดเหวี่ยงวีนจนเสียงาน

วิธีปรับร่างกายของวัย 30+ ให้กลับมา “ดูเด็กลง”