“ปวดท้องประจำเดือน” อาการสุดน่าเบื่อของสาวๆ ในช่วงมีประจำเดือน สามารถรักษาได้ด้วยการเล่นโยคะ

อาการปวดท้องประจำเดือน เป็นอาการที่สาวๆ พบเจอกันเป็นประจำ บางคนก็อาจจะปวดไม่มาก แต่บางคนก็อาจจะปวดถึงขั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลย บางคนอาจจะบรรเทาอาการด้วยรับประทานยาแก้ปวด ซึ่งก็อาจจะช่วยได้บ้าง

แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ นั่นก็คือการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการเล่นโยคะซึ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับสาวๆ ที่กำลังเป็นประจำเดือนมากที่สุด เพราะไม่ต้องใช้แรงมาก แต่ว่าเราจะเล่นโยคะท่าไหนดีล่ะ ที่จะทำให้เจ้าอาการปวดที่รบกวนเราลดลงได้ วันนี้เลยขอนำตัวอย่างท่าโยคะที่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่เป็นประจำเดือนอยู่ มาบอกเล่าให้ฟังค่ะ พร้อมแล้วไปดูกันเลย

สุดยอดท่าโยคะ บรรเทาอาการ “ปวดท้องประจำเดือน”

ท่าเด็ก (BALASANA)

ท่าเด็ก หรือที่เรียกว่า Balasana เป็นหนึ่งในท่าโยคะที่บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ดีที่สุด โดยเป็นการเหยียดยืดของกล้ามเนื้อหลัง, สะโพก, ต้นขาและข้อเท้า ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • คุกเข่าเท้าชิดหรือแยกเท้าเล็กน้อย เหยียดปลายขาและข้อเท้าไปข้างหลัง นั่งลงบนส้นเท้า
  • ขณะหายใจออกให้ก้มตัว วางหน้าผากลงบนพื้น คอตรงไม่เอียงคอไปข้างหนึ่งข้างใด ก้นอยู่บนส้นเท้า หากก้มไม่ได้ก็ให้ยกก้นขึ้นเล็กน้อย
  • เหยียดแขนทั้งสองไปเหนือศีรษะ คืบนิ้วไปให้ไกลที่สุด แล้วกดฝ่ามือทั้งสองให้แนบกับพื้นหรือ กำมือหลวมๆ หงายมือขึ้น เหยียดแขนทั้งสองข้างไปปลายเท้าให้มากที่สุด
  • ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 30 วินาทีหรือมากกว่านั้นแล้วจึงคลายท่า

ในการทำท่านี้ ควรวางหมอนใบใหญ่ๆ ไว้ใต้ส่วนบนของร่างกาย เพื่อที่ร่างกายจะได้ผ่อนคลายได้เต็มที่ค่ะ

ท่าศีรษะจรดเข่า (SHANU SRISASANA)

ท่าศีรษะจรดเข่า เป็นท่าที่ช่วยให้พลังงานไหลเวียนได้ทั่วร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่ปวดท้องประจำเดือนแล้วรู้สึกว่าส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ค่อยมีแรงค่ะ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • นั่งเหยียดขาตรงบนพื้น เท้าอีกข้างงอเข้ามาแตะต้นขาด้านใน
  • หายใจเข้าแล้ววาดมือทั้งสองข้างขึ้นไปเหนือศีรษะ แขนเหยียดตรง
  • หายใจออก ก้มตัวลง มือทั้งสองข้างวาดลง ค่อยๆ เหยียดหลัง ลดตัวลง โน้มศีรษะมาด้านหน้า มือจับปลายเท้า ศีรษะจรดเข่า เข่าตึง พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง หายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ ประมาณสามรอบลมหายใจ
  • หายใจเข้า วาดมือขึ้นเหนือศีรษะ แขนเหยียดตรง
  • หายใจออก วาดมือลงด้านข้างลำตัว เปลี่ยนข้าง

เพื่อให้สบายตัวขึ้นควรหาหมอนใบใหญ่ๆ มาวางตรงระหว่างขาและร่างกายส่วนบน จะช่วยให้ไม่เมื่อยจนเกินไปค่ะ

ท่านอนหงาย (SUPTA BADDHA KONASANA)

ท่านี้เป็นท่าที่ช่วยกระตุ้นรังไข่และหัวใจ ให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อต้นขาและเข่า นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • หายใจออก แล้วเอนหลังลงกับพื้นโดยใช้มือยันพื้น ใช้หมอนเล็กๆ หนุนที่คอและศีรษะ
  • ใช้มือทั้งสองข้าง ดันด้านในของต้นขาให้ถ่างออกให้มากที่สุด แล้วเลื่อนมือไปที่เข่า แยกเข่าออกให้กว้างที่สุดโดยพยายามให้เข่าติดพื้น หลังจากนั้นวางแขนไว้ข้างลำตัวให้หงายฝ่ามือ
  • ทำครั้งแรกให้ค้างท่านี้ไว้ 1 นาทีแล้วค่อยๆ เพิ่มจนถึง 5 – 10 นาที
  • เวลาคลายท่าให้ใช้มือดันเท้าเข้าหากัน แล้วจึงลุกขึ้น

ถ้าคุณรู้สึกตึงบริเวณต้นขาหรือขาหนีบ ควรหาผ้าห่มหรือหมอนมาวางไว้ใต้ขาเพื่อให้ผ่อนคลายลงนะคะ

ท่าพวงมาลัย (MALASANA)

ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อและกระดูกหลัง สะโพก และกระดูกสันหลัง และช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในอีกด้วย ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • นั่งยองเท้าชิด เข่าชิด กระจายน้ำหนักเต็มฝ่าเท้า หลังตั้งตรง
  • ใช้ศอกดันเข่าให้แยกออกกว้าง อ้อมมือไปจับข้อเท้าด้านนอก
  • หายใจเข้า แล้วเงยหน้า
  • หายใจออก ก้มให้ข้อศอกและหน้าผากจรดพื้น ตามองลอดช่องขา สติอยู่ที่ลมหายใจเข้าลึก ออกยาว ผ่อนคลาย ค้างอยู่ในท่าสักครู่
  • หายใจเข้า เงยหน้าขึ้น
  • หายใจออก แล้วปล่อยมือ หุบเข่าชิดแล้วพัก

ท่านี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า ผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมควรหลีกเลี่ยงค่ะ

ท่าธนู (DHANURASANA)

ท่าธนูเป็นท่าที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในช่องท้อง กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและระบบการเผาผลาญ รวมถึงช่วยขับของเสียในต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวลงได้ค่ะ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • นอนคว่ำ มือทั้งสองข้างจับข้อเท้าด้านใน เอาหน้าผากจรดพื้น
  • หายใจเข้า แล้วยกเท้าทั้งสองขึ้น
  • หายใจออก ยกลำตัวขึ้นแอ่นอก พยายามยกขาให้สูงกว่าศีรษะ ผ่อนคลาย ค้างอยู่ในท่าสักครู่
  • หายใจออก ลดลำตัวและขาลง พักสักครู่แล้วจึงทำซ้ำอีกครั้ง

ท่านี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการกระดูกสันหลังเคลื่อน และถ้หากเกิดอาการเจ็บระหว่างทำควรหยุดทำทันทีค่ะ

ท่าอูฐ (USTRASANA)

เป็นท่าที่คล้ายคลึงกับท่าธนู ซึ่งจะช่วยทำให้มดลูกคลายตัวเร็วขึ้น และช่วยลดความวิตกกังวล ความเมื่อยล้าและอาการปวดหลังได้ค่ะ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • นั่งตั้งเข่า แยกเข่าออกกว้างพอประมาณ ปลายเท้าชิด ตั้งเท้า หลังตรง หน้ามองตรง
  • หายใจเข้า แล้วเหยียดแขนไปด้านหน้า
  • หายใจออก วาดมือทั้งสองจับส้นเท้าด้านหลัง และหายใจเข้า
  • หายใจออก ยกสะโพกดันสูง แอ่นอก ไม่หลับตา ไม่อ้าปาก ผ่อนคลาย ค้างอยู่ในท่าสักครู่
  • หายใจเข้า แล้วยกลำตัวและแขนกลับที่เดิม
  • หายใจออก ลดมือลงแล้วพัก

ท่านี้ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บที่หลัง หรือเป็นโรคไมเกรนและความดันโลหิตสูงค่ะ ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการทำท่านี้เด็ดขาด

ท่านอนยกขา (SUPTA PADANGUSTHASANA)

ท่านอนยกขาเป็นท่านอนหงายอีกท่าหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง และปวดประจำเดือนได้ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้

  • นอนหงายบนพื้น เหยียดเท้า
  • หายใจออกดึงเข่าซ้ายเข้าหาลำตัว ใช้มือกอดต้นขาให้ต้นขาแนบลำตัว
  • ใช้เข็มขัดคล้องฝ่าเท้า มือทั้งสองข้างดึงปลายเข็มขัด
  • หายใจเข้าพร้อมกับยกเท้าขึ้นตั้งฉากกับลำตัว ขยับมือขึ้นเพื่อให้แขนเหยียดมากที่สุด พยายามดึงมือลงมาเพื่อให้สะบักกดพื้น
  • หายใจออกและแยกเท้าซ้ายออกไปทางซ้าย แล้วค้างอยู่ในท่านี้ 1 – 3 นาที
  • ยกเท้าซ้ายกลับไปแนวตั้งฉากอีก 1 – 3 นาทีแล้วกลับไปท่านอน 30 วินาที แล้วเปลี่ยนขา

หากรู้สึกไม่สบายตัวให้นำหมอนมาหนุนรองศีรษะเพื่อที่จะได้สบายยิ่งขึ้น และหลีกเลี่ยงการทำท่านี้ในขณะที่ท้องร่วง ปวดศีรษะหรือมีความดันโลหิตสูงค่ะ

โยคะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการกำหนดลมหายใจเข้าออก และไม่ต้องออกกำลังกายอย่างหักโหมอีกด้วย ดังนั้นหากรู้สึกตึงหรือเจ็บเวลาที่เล่นโยคะควรจะหยุดท่านั้นโดยทันที เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังควรที่จะเล่นให้เหมาะสมอีกด้วย จะได้หายปวดประจำเดือนและได้มีร่างกายที่แข็งแรง ประโยชน์สองต่อเลย สาวๆ คนไหนที่ปวดประจำเดือนอยู่ล่ะก็ รีบหยิบหมอน หยิบเสื่อโยคะแล้วมาเริ่มกันเลย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สุดยอดท่าโยคะทั้งหมดนี้ ที่จะช่วยลดและบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่จะดีกว่าไหมคะ ถ้าหากเราเตรียมรับมือไม่ให้ปวดท้องประจำเดือนเลย หรือปวดให้น้อยที่สุด ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และทานยาสตรี ควบคู่กันไปด้วย อย่าง ยาสตรีฟลอร่า ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของผู้หญิง ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก :
allwomenstalk.com
https://health.kapook.com/view102003.html

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :

ดูแล “มดลูก” ให้แข็งแรง เรื่องง่ายๆ ที่ผู้หญิงควรทำ

ประจำเดือนเป็นลิ่ม อันตรายไหม? มาเช็กก่อนอย่าเพิ่งกลุ้มไป

ประจำเดือนไม่มา เป็นเพราะสาเหตุอะไรบ้างนะ?