คุณกำลัง “ฮอร์โมนไม่สมดุล” หรือเปล่า?

“ประจำเดือนไม่มาใช่ไหม ถึงได้หงุดหงิดใส่กัน” หรืออาการผิดปกติต่าง ๆ ที่ทำให้เราไม่สบายตัว เช่น ปวดโน่นนี่ สิวขึ้น นอนไม่หลับ น้ำหนักเพิ่ม จนทำให้คุณภาพชีวิตลดลง และหาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร?

สภาวะ “ฮอร์โมนไม่สมดุล” อาจเป็นสาเหตุสำคัญ เพราะกระบวนการทำงานหลายอย่างของร่างกายถูกควบคุมโดยฮอร์โมนต่างๆ อาทิ เอ็นดอร์ฟิน, เอสโตรเจน, โปรเจสเตอโรน, คอร์ติซอล, อะดรีนาลิน และ ฯลฯ เพื่อให้ร่างกายทำงานอย่างปกติและสมดุล เช่น ในระหว่างช่วงก่อนและหลังมีประจำเดือน ช่วงมีประจำเดือน หรือในช่วงตั้งครรภ์ หากฮอร์โมนเสียสมดุลอาจส่งผลต่ออารมณ์ สุขภาพ และอาจทำให้เกิดความผิดปกติหรือโรคร้ายต่างๆ และบางครั้งยาบางประเภทก็ส่งผลต่อสุขภาพทำให้ฮอร์โมนของเราขึ้นลงได้ด้วย

12 สัญญาณบอก “ฮอร์โมนไม่สมดุล”

1.ประจำเดือนมาไม่ปกติ

โดยปกติประจำเดือนของผู้หญิงจะมาในทุกๆ 21 – 35 วัน แต่ถ้าประจำเดือนของคุณมาไม่ตรงกันทุกเดือน ข้ามเดือน หรือมาบ้างไม่มาบ้าง นั่นอาจหมายความว่าคุณมีฮอร์โมน เอสโตรเจน หรือ โปรเจสเตอโรน มากหรือน้อยเกินไป แต่ถ้าคุณมีอายุ 40 ปี หรือ 50 ปีต้นๆ ก็อาจเป็นเพราะว่าคุณอยู่ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน (ใกล้วัยทอง) อย่างไรก็ตาม การที่ประจำเดือนมาผิดปกติก็สามารถเป็นอาการของภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovarian syndrome – PCOS) ได้เช่นกัน จึงควรสังเกตอาการผิดปกติของการมีประจำเดือนด้วยเป็นเรื่องสำคัญ

2.นอนไม่หลับ

เป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่าร่างกายของคุณมีระดับฮอร์โมนต่ำ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีผลต่อการนอน ส่วนใหญ่พบมากในผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก และเป็นสาเหตุของผู้หญิงบางคนที่มีปัญหาในการนอนไม่หลับ นอกจากนี้ การมีระดับที่ไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็สามารถทำให้คุณมีอาการร้อนวูบวาบ และมีเหงื่อออกตอนกลางคืน ซึ่งล้วนแต่ทำให้ยากต่อการนอนหลับสบายนั่นเอง

3.สิวขึ้น

การมีสิวขึ้น ก่อน หรือ ระหว่างมีประจำเดือน ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเลยช่วงเวลานั้นไปแล้วสิวยังไม่หายไป อาจเป็นเพราะฮอร์โมนมีปัญหาและทำให้ต่อมน้ำมันทำงานหนักกว่าเดิม นอกจากนี้มันยังส่งผลต่อเซลล์ผิวภายใน หรือรอบๆ รูขุมขน ซึ่งล้วนแต่ทำให้รูขุมขนอุดตัน และทำให้เกิดสิวได้ในที่สุด

4.ปวดศีรษะ

อาการปวดศีรษะมีหลายสาเหตุ แต่หนึ่งในนั้นก็ยังมีเรื่องของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน หากลองสังเกตตัวเอง ถ้าพบว่ามีอาการปวดศีรษะก่อนมีประจำเดือนเสมอ แสดงว่า ฮอร์โมนไม่สมดุล

5.ขี้วีน แปรปรวนและซึมเศร้า

คำว่า ฮอร์โมนแปรปรวน หรือ Hormone Swing หลายคนคงเข้าใจว่ามีอาการเป็นอย่างไร เพราะนอกจากอารมณ์หงุดหงิดโมโหง่ายแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนยังเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลต่อสมองและอารมณ์อีกด้วย นักวิจัยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระดับของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เรารู้สึกหงุดหงิดและเศร้าได้ ทั้งนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลต่อสารเคมีในสมองอย่างเซโรโทนิน โดพามีน และนอร์อิพิเนฟริน ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของผู้หญิงเรา

6.ระบบย่อยอาหารผิดปกติ

ในลำไส้ของเรามีเซลล์เล็กๆ ที่เรียกว่า Receptors ที่จะตอบสนองต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน หากฮอร์โมนเหล่านี้สูงหรือต่ำกว่าปกติ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบย่อยอาหาร โดยมีผลการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทกซัส ระบุว่าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูง มีผลต่อจุลชีพของลำไส้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาการท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด และคลื่นไส้ ถึงเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว หรือมีอาการแย่กว่าเดิมทั้งในช่วงก่อนและหลังมีประจำเดือน

7.อ่อนเพลียเมื่อยล้าตลอดเวลา

ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณพื้นฐานของการมีฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เพราะการมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมากเกินไปสามารถทำให้รู้สึกง่วงนอน แต่ถ้าต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาต่ำเกินไปก็สามารถทำให้พลังงานลดลงและอาจส่งผลให้ร่างกายเหนื่อยล้าได้เช่นกัน

8.สมองตื้อ

หากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเปลี่ยนไป อาจส่งผลให้เกิดอาการ สมองตื้อ สมองเบลอ จำสิ่งต่างๆ ได้ยากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางท่านให้ความเห็นว่า เอสโตรเจน อาจส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง แต่การมีปัญหาเกี่ยวกับ ความจำ สมาธิ สมองตื้อ มักพบได้มากในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน หรือวัยทอง

9.น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

หรือจะบอกว่าอ้วนขึ้นเพราะฮอร์โมนผิดปกติก็อาจเป็นไปได้ เพราะเมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดน้อยลง เราก็จะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ต่อมความหิวก็เริ่มทำงานมากขึ้น จึงทำให้ผู้หญิงหลายคนอยากกินอาหารจุกจิกมากขึ้น จนน้ำหนักเพิ่มขึ้นนั่นเอง

10.ช่องคลอดแห้ง

โดยปกติแล้วหากคุณผู้หญิงมีช่องคลอดแห้ง หรือไม่มีน้ำหล่อลื่นระหว่างมีเพศสัมพันธ์เป็นบางครั้งบางคราว ก็ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้งเกินไป อาจเป็นเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีปริมาณต่ำ ส่งผลให้ให้ช่องคลอดขาดความสมดุลในการทำงานตามไปด้วย

11.ความต้องการทางเพศลดลง

ความต้องการทางเพศของผู้หญิงมี ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน คอยควบคุม หากระดับของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยเกินไป อาจส่งผลให้มีความต้องการทางเพศลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุได้

12.ขนาดหน้าอก (เปลี่ยนแปลง)

การเปลี่ยนแปลงของขนาดหน้าอก เป็นสัญญาณที่ร้ายแรงที่สุดของปัญหาร่างกาย ซึ่งหากระดับฮอร์โมนเอสโตเจนลดลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลต่อความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว จึงทำให้ขนาดหน้าอกมีความเปลี่ยนแปลง

ทั้งหมดนี้คุณจะเห็นได้ว่า หากฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายทั้งจากภายในสู่ภายนอก ทั้งทางด้านอารมณ์ไปจนถึงทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตร่างกายของตัวเองเป็นประจำ หาตัวช่วยบำรุงฮอร์โมนให้มีความสมดุลด้วยสมุนไพรจาก ยาสตรี วิตามิน หรือในเมนูอาหารมื้อปกติที่เรากิน หากพบความผิดปกติก็อย่ารีรอที่จะไปปรึกษาแพทย์นะคะ

เช็กด่วน 5 สัญญาณ “ฮอร์โมนผิดปกติ”

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :

“อาหารบำรุงเลือด” ใกล้ตัว กินแล้วเลือดไหลเวียนดี

“ยาสตรี” กินต่อเนื่องทุกวันได้หรือไม่?

เคล็ดลับ “บำรุงโลหิต”