ไขข้อข้องใจ “ตกขาวสีน้ำตาล” อันตรายหรือไม่?
เกิดจากสาเหตุอะไร? มีอาการบ่งชี้ใดที่บอกว่าควรไปพบแพทย์ได้แล้ว
ตกขาว (Leukorrhea หรือ Vaginal Discharge) คือ สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกจากปากมดลูกไปยังช่องคลอด เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้บริเวณช่องคลอด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อโรค
ตกขาวปกติมีลักษณะเมือกเหลว ปกติตกขาวจะมีสีขาวหรือใส และไม่มีกลิ่นเหม็น ส่วนตกขาวที่ผิดปกติจะมีสีต่างๆ ได้แก่ ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก สีเหลือง สีเขียว หรืออาจมีมูกเลือด มีฟอง หรือมีกลิ่นเหม็นมาก โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1.จากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น
- เชื้อแบคทีเรีย
- เชื้อไวรัส
- เชื้อรา
- พยาธิ
2.การแพ้สารเคมีจากผ้าอนามัย หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องคลอดและปากมดลูก
3.ปัญหาเรื่องการรักษาความสะอาด
เรื่องควรรู้
- ตกขาวสีน้ำตาลมักมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนก่อน และหลังมีประจำเดือน การติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรืออาจเกิดจากผนังมดลูกลอกตัวช้า
- ตกขาวสีน้ำตาลที่มาหลังมีประจำเดือนมักไม่เป็นอันตราย แต่หากคุณมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คันในช่องคลอด ปวดท้อง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีเลือดออกจากช่องคลอด คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายใน และวินิจฉัยอาการ
- ตกขาวสีน้ำตาลสามารถเกิดขึ้นได้จากการมีเพศสัมพันธ์แล้วเกิดการบาดเจ็บขึ้น หรืออาจเกิดจากติ่งเนื้อ หรือก้อนเนื้อบริเวณปากมดลูกด้วย นอกจากนี้ตกขาวสีน้ำตาลยังพบได้หลังจากคลอดบุตรแล้ว โดยจะมีลักษณะเป็นเลือดปนน้ำเหลือง แต่ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
- การรักษาตกขาวสีน้ำตาลที่ผิดปกติจะรักษาไปตามสาเหตุของอาการ เช่น หากเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือการติดเชื้อรา แพทย์ก็จะจ่ายยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อราให้ และกำชับผู้ป่วยให้มีเพศสัมพันธ์โดยให้คู่นอนสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
- หากคุณพบตกขาวสีน้ำตาลเป็นครั้งคราวก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ คุณก็ควรเข้ารับการวินิจฉัยจากสูตินรีแพทย์โดยตรงเพื่อความปลอดภัย
“ตกขาวสีน้ำตาล” หลังมีประจำเดือนอันตรายไหม?
โดยทั่วไปตกขาวสีน้ำตาลหลังมีประจำเดือนมักไม่เป็นอันตราย แต่หากเป็นหลายครั้ง และมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วม เช่น มีเลือดออกกะปริดกะปรอย คันในช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น ปวดท้องร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย
เนื่องจากการมีตกขาวสีน้ำตาลเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานผิดปกติ บางครั้งตกขาวสีน้ำตาลอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา รวมถึงอาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกายทั้งก่อน และหลังมีประจำเดือน
แต่หากเกิดตกขาวสีน้ำตาลหลังมีประจำเดือน สาเหตุส่วนมากมักจะมาจากผนังมดลูกลอกตัวช้า หรือลอกออกมาเป็นประจำเดือนไม่หมด ทำให้กลายเป็นตกขาวสีน้ำตาลภายหลังจากมีประจำเดือนไปแล้ว
“ตกขาวสีน้ำตาล” หลังมีเพศสัมพันธ์เกิดจากอะไร?
หากหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วมีตกขาวสีน้ำตาลออกมา อาจเกิดจากการบาดเจ็บ เช่น
- ช่องคลอดมีบาดแผลจนเลือดออก
- อาจเกิดจากมีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อที่ปากมดลูก
- มีแผลที่ช่องหลอด
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้หากอาการตกขาวมีความผิดปกติและอาการรุนแรงมากขึ้น ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อรับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
“ตกขาวสีน้ำตาล” หลังคลอดเกิดจากอะไร?
ช่วงหลังคลอด คุณแม่จะมีน้ำคาวปลาขับออกมาจากแผลภายในมดลูก ลักษณะปกติเป็นเลือดปนน้ำเหลือง กลิ่นไม่เหม็นเน่า มี 3 ระยะ คือ
1.ระยะ 1-3 วันแรกหลังคลอด น้ำคาวปลาจะมีลักษณะสีแดงคล้ำและข้น
2.ระยะ 4-14 วันหลังคลอด สีน้ำคาวปลาจะค่อยๆ จางลงเป็นสีน้ำตาล คล้ายสีน้ำล้างเนื้อ
3.ตั้งแต่ 14-6 สัปดาห์หลังคลอด น้ำคาวปลาจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว
หลังจากที่ร่างกายขับน้ำคาวปลาหมดแล้ว ภายในช่องคลอดจะมีการเริ่มสร้างตกขาวขึ้นมา อาจจะมีตกขาวสีน้ำตาลออกมาได้ ไม่ถือว่าผิดปกติ แต่ถ้าตกขาวมามากผิดปกติ มีสีแดงสด ปัสสาวะแสบหรือขัด คันภายในช่องคลอด มีกลิ่นเหม็นมาก หรือมีอาการปวดท้องหรือมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์
แนวทางการรักษา “ตกขาวสีน้ำตาล”
1.ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอาการตกขาวสีน้ำตาล ช่วยให้รักษาได้อย่างตรงจุด เพราะถ้าหากอาการตกขาวสีน้ำตาล เกิดสาเหตุจากโรคอื่นที่ไม่ใช่ผนังมดลูกลอกตัวช้า (ช่วงหลังมีประจำเดือน) จะได้รักษาอย่างทันท่วงที
2.หากพบว่าตกขาวผิดปกติเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเกิดจากเชื้อรา แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อรา และถ้าผู้ที่มีอาการตกขาวผิดปกติ ซึ่งสาเหตุมาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ควรให้คู่ของคุณเข้ารับการรักษาอาการดังกล่าวร่วมด้วย
3.รับประทานสมุนไพรเพื่อช่วยในการบำรุงมดลูก อย่างเช่น ว่านชักมดลูก หรือยาสตรี เป็นต้น ทั้งนี้การรับประทานยาสมุนไพรควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ยาสตรีที่แนะนำ คือ ยาสตรีฟลอร่า มีขายตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป
ทั้งนี้ ผู้หญิงควรรักษาความสะอาดช่องคลอดและอวัยวะเพศอยู่เสมอ โดยการล้างช่องคลอดด้วยน้ำและสบู่อ่อน เช่น สบู่เด็ก ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีชนิดต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบระคายเคืองได้ และสวมใส่กางเกงชั้นในที่สะอาด ทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่หนาและไม่อับชื้น
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก :
https://hd.co.th/why-does-vaginal-discharge-have-brown-color-is-it-unusual-or-dangerous
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :
รวมวิธีรักษา “ตกขาวผิดปกติ” ด้วยตนเอง